ความท้าทายขององค์กร และทำไมเราถึงต้องการ OKRs

 

  • ความท้าทายต่างๆขององค์กร
  • ความยากในการนำกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติจริง
  • ความผูกพันของบุคลากร
  • Disruption
  • การเติบโต องค์กรใหญ่
  • การบริหารจัดการเมื่อพบกับความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ

ประโยชน์ของ OKRs

 

  • เข้าใจง่าย เป็นคำศัพท์ง่ายๆ ที่ช่วยยกระดับการ buy-In ความความเข้าใจ และการสนับสนุน
  • ลดเวลา ลดช่วงเวลาล่าช่าระหว่างการวางแผน และการนำไปสู่การปฏิบัติ เพิ่มความ agile และพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงเสมอ
  • โฟกัสในสิ่งที่สำคัญที่สุด แยกสิ่งสำคัญออกจากสิ่งรบกวนอื่น ๆ และจัดลำดับความสำคัญ
  • ความโปร่งใส บุคลากรสามารถเห็นเป้าหมายของผู้บริหารและหัวหน้า
  • ดีต่อความผูกพันของบุคลากร หน่วยงานและบุคลากรมีส่วนร่วมในการสร้าง OKRs มีโอกาสที่จะพบปะ และมีช่วงเวลาหารือที่สำคัญต่อเป้าหมายของตนเอง
  • สนับสนุนความคิดริเริ่มที่มีวิสัยทัศน์ OKRs ถูกสร้างมาเพื่อให้ขยายความคิดขององค์กรให้กว้างออกมากกว่าแค่สิ่งที่ทำได้

OKRs คืออะไร

 

ต่อไปนี้คือว่าข้อความบางส่วนที่ตัดมาจากคำกล่าวของคนที่ได้ชื่อเป็นบิดาของ  OKRs (แอนดี้ โกรฟ) จากหนังสือ ตั้งเป้าชัด วัดผลได้ด้วย OKRs

มาถึงตอนนี้มีคำสำคัญอยู่ 2 คำคือ วัตถุประสงค์ (Objective) และผลลัพธ์ที่สำคัญ (Key Results) และทั้งสองสิ่งนี้ตอบโจทย์สองเรื่องที่ไม่เหมือนกัน วัตถุประสงค์ คือ ทิศทาง เช่น “เราต้องการเป็นผู้นำในธรุกิจชิ้นส่วนไมโครคอมพิวเตอร์ระดับกลาง” นี่คือวัตถุประสงค์ที่เราจะมุ่งไป สำหรับผลลัพธ์ที่สำคัญ สำหรับไตรมาสนี้คือ “ได้ดีไซน์ใหม่ 10 แบบสำหรับ 8085” ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งของของผลลัพธ์ที่สำคัญซึ่งจะเห็นว่าทั้งสองเรื่องนี้ (วัตถุประสงค์และผลลัพธ์ที่สำคัญ) แตกต่างกันจริงๆ…

ผลลัพธ์ที่สำคัญต้องวัดผลได้ และในตอนสุดท้ายคุณจะเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องมีคำโต้แย้งใดๆ ว่า ฉันทำหรือไม่ได้ทำสิ่งนั้น มันตอบได้ง่ายๆว่าใช่หรือไม่ใช่ ซึ่งเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก ไม่ต้องใช้ดุลยพินิจในการตัดสินหรือกล่าวโทษอะไรเลย

Objective (วัตถุประสงค์): คำกล่าวเป้าหมายเชิงคุณภาพกว้าง ๆ ออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าในทิศทางที่ต้องการ

“เราอยากทำอะไร”

Key Result (ผลลัพธ์ที่สำคัญ): คำกล่าวเชิงปริมาณที่วัดความสำเร็จของวัตถุประสงค์

“เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราบรรลุวัตถุประสงค์ของเราแล้ว”

คำทับศัพท์

 

OKRs : OKRs ย่อมาจาก Objectives and Key Results ซึ่งในภาษาไทยเรียกว่า วัตถุประสงค์และผลลัพธ์ที่สำคัญ ซึ่ง ประกอบไปด้วย 2 รูปแบบคือ OKRs ที่ต้องทำ (Committed OKRs) และ OKRs ที่อยากทำ (Aspirational OKRs)

ลักษณะของวัตถุประสงค์ที่มีประสิทธิภาพ

 

  • Inspirational (สร้างแรงบันดาลใจ) : วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายควรจะบังคับมุ่งเน้นให้บุคลากร ทำงานและมีผลการปฏิบัติงานที่ดีขึ้นไปอีกขั้น และดันให้พวกเขาคิดให้แตกต่าง (Think different)
  • Attainable (สามารถบรรลุได้) : ต้องมีความสมดุลระหว่างการสร้างแรงบันดาลใจและสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์ได้ เป้าหมายที่ไม่มองความเป็นจริงจะกัดกินวัฒนธรรมในการทำงาน ลดแรงจูงใจ และล่อลวงให้ไปสู่การทำงานในแบบที่ผิดจรรยาบรรณได้
  • Doable in a quarter (ทำได้ภายในไตรมาส) : คุณควรจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายใน สามเดือน ถ้าหากไม่สามารถทำได้สิ่งนั้นอาจจะเป็น วิสัยทัศน์ หรือ เป้าหมายระยะยาว
  • Controllable by the team (อยู่ภายใต้ความควบคุมของหน่วยงาน) : ถ้าหากคุณไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์นั้นๆ แล้วพูดว่า “เป็นเพราะหน่วยงาน X ไม่ยอมส่งมอบงาน” คุณอาจจะกำลังเข้าใจการตั้งวัตถุประสงค์ผิดๆอยู่
  • Provide business value (ส่งมอบคุณค่าให้แก่องค์กร) : วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายนั้น ๆ ควรจะเป็นสิ่งที่แปรผลออกมาจากแผนกลยุทธ์ของคุณ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้องค์กรมุ่งไปข้างหน้า
  • Qualitative (เชิงคุณภาพ) : เป็นคำหรือประโยค มิใช่ตัวเลข

ระวังคำหรือประโยคที่กำกวม

 

คำเหล่านี้คือคำที่กำกวม ซึ่งแต่ละคนจะมีความเข้าใจในความหมายแตกต่างกัน คำเหล่านี้ฟังดูดีใน Workshop ต่างๆ แต่ยากที่จะนำมาวัดด้วยความเข้มงวด

ตัวอย่าง เช่น : มีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล มีความยั่งยืน มีคุณภาพ มีประสิทธิผล และอื่นๆ

  • ลองแปลคำเหล่านี้ว่าคุณเข้าใจมันจริงๆว่าอย่างไร
  • ถามต่อไปว่าทำไม
  • แปลเป็นคำหรือความหมายที่คุณจะเห็น มีประสบการณ์ หรือรู้สึก
  • ถ้าคนสามคนอ่าน วัตถุประสงค์นั้นๆ ทั้งสามคนควรจะเข้าใจตรงกันว่ามันหมายความว่าอะไร
    วัตถุประสงค์ ปัญหา การปรับปรุง
    เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการหลักของเรา
    วัตถุประสงค์มีหลายแง่มุม ประสิทธิภาพและประสิทธิผลนั้นเป็นคำที่กว้างมาก และมีหลายมิติ

    อ่านแล้วตกลง สิ่งใดกำลังเป็นสิ่งที่สำคัญ? และ กระบวนการหลักจริงๆแล้วคืออะไร?

    “ลดรอบเวลาในการเรียกเก็บเงิน”

    “ลดอัตราข้อผิดพลาดในการเรียกเก็บเงิน”

    “ลดความถี่ และขนาดของหนี้เสีย”

ลักษณะของผลลัพธ์ที่สำคัญ ที่มีประสิทธิภาพ

 

  • Quantitative (เชิงปริมาณ) : ผลลัพธ์ที่สำคัญส่วนใหญ่จะใช้ ตัวเลข ในการตัดสินว่าเราบรรลุวัตถุประสงค์แล้วหรือยัง อาจจะเป็น แค่ตัวเลข จำนวนเงิน หรือร้อยละ
  • Aspirational (ทะเยอทะยาน) : ขยายขีดจำกัดของสิ่งที่คุณคิดสามารถทำได้ออกไปอีก (แต่สามารถบรรลุได้)
  • Specific (เฉพาะเจาะจง) : “เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน” กระบวนการทำงานอะไร? ประสิทธิภาพด้านไหน?
  • Owned (เป็นเจ้าของ/มีเจ้าภาพ) : หน่วยงาน/ผู้ที่รับผิดชอบการส่งมอบผลลัพธ์ที่สำคัญควรจะมีส่วนร่วมในการวางแผน เพื่อที่จะทำให้แน่ใจได้ว่าเข้าใจตรงกันและ buy-in
  • Progress-based (ติดตามความก้าวหน้าได้) : ควรจะสามารถติดตามความก้าวหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และบ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่ทบทวนปลายปีครั้งเดียว
  • Vertically and horizontally aligned (ยึดโยงกันทั้งแนวดิ่งและแนวราบ) : ผู้บริหารผู้นำควรจะตกลงกันเรื่องผลลัพธ์ที่สำคัญ และผลลัพธ์ที่สำคัญควรจะยึดโยง (align) กับหน่วยงานอื่นๆ
  • Drive the right behavior  : หลีกเลี่ยงการตั้งผลลัพธ์ที่สำคัญที่ทำให้คนในทีมทำงานร่วมกันไม่ได้

ประเภทของผลลัพธ์ที่สำคัญ

Making an impact in our communities

Metric

เป็นประเภทของผลลัพธ์ที่ใช้ทั่วไปมากที่สุด ผลลัพธ์เชิงปริมาณเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อวัดความสำเร็จในเป้าหมายของคุณ

Positive : เพิ่ม เติบโต สร้าง ฯลฯ

Negative: ลด กำจัด ทำให้น้อยลง  ฯลฯ

Threshold: ใช้เมื่อคุณต้องการช่วง อย่างเช่น “คงอัตราการใช้ที่ปรึกษาไว้ที่ระหว่างร้อยละ 70 ถึง 80”

Milestone

วนใหญ่มักจะถูกแปลงผลลัพธ์ที่มีแค่ ทำได้หรือทำไม่ได้ สำเร็จหรือไม่สำเร็จ ออกมาภายใต้กรอบเวลา

ตัวอย่าง : “ปล่อยรูปแบบการแจ้งเตือนผ่าน sms ภายใน 30 กันยายน”

“what matters is not finding the perfect indicator, but settling upon a consistent and intelligent method of assessing your results, and then tracking your trajectory with rigor.”

Jim Collins, “Good to great and the Social Sectors”

แล้วเราจะใช้อะไรเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ?
ครั้งหนึ่งมีคนเคยถามวงดนตรีชื่อดัง Coldplay ว่าเขาคัดเลือกเพลงที่ใช้ขึ้นในเวทีอย่างไร แน่นอนว่าเขาไม่ได้ให้กลุ่มตัวอย่างมานั่งรวมกันในห้องแล้วฟังเพลงเป็นร้อยๆเพลง เพื่อเลือกเพลงที่พวกเขาชอบที่สุด แต่พวกเขาเลือกเพลงจากระหว่างที่เขาแสดงดนตรีอยู่บนเวที แล้วเขามองออกไปที่ประตูทางออก ถ้ามีเงาของคนกำลังเดินไปห้องน้ำ/ซื้อเครื่องดื่ม ฯลฯ แปลว่าเพลงนั้นมีคนไม่ชอบ พวกเขาจะเลือกเพลงที่ไม่มีเงาของคนที่เดินออกไปทางออก ไปใช้ในการขึ้นบนเวที

ผลลัพธ์ที่สำคัญไม่ใช่ Tasks

 

  • ถ้าหากคุุณสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่สำคัญได้ภายใน วันเดียวหรือสองวัน (หรือไวกว่านั้น) นั่นไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สำคัญแต่เป็น Task
    เช่น “ส่งอีเมล์ให้ผู้มุ่งหวัง”
    “ประชุมกับหน่วยงาน”
  • ถ้าคุณคิดออกมาแล้วเป็น Task
    – อะไรคือผลลัพธ์ที่คุณคาดหวังจาก Task นั้นๆ?
    – ถ้าหากคุณทำ Task นั้นๆ เสร็จแล้ว มันจะทำให้พวกเราบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่?
    – เป็นไปได้หรือไม่ว่าถ้าหาก Task นั้นๆ สำเร็จแล้ว แต่มันไม่ช่วยให้พวกเราบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้?
    – อะไรคือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการทำ Task นั้นๆ?

แต่ Tasks ก็ยังสำคัญ

 

  • ผลลัพธ์ที่สำคัญ คือ outcome – คุณไม่สามารถควบคุม outcome ได้ตลอด แต่ว่าคุณสามารถควบคุมกำกับ Tasks ได้
  • Tasks มีประโยชน์ในการวางแผนงานของคุณ ในแต่ละสัปดาห์ (หรือรายวัน) คุณสามารถทบทวนรายการภาระงานของคุณได้เพื่อที่จะตัดสินใจว่าสิ่งใดควรจะทำให้เสร็จ ในเวลาไหน
  • Tasks เป็นประโยชน์มากในการตรวจสอบสถานการณ์ความเป็นจริงที่เป็นอยู่ของผลลัพธ์ที่สำคัญของคุณ
  • การทำ Task ให้เสร็จ คุณจะสามารถแสดงถึงความก้าวหน้าสู่เป้าหมายของคุณ และมีเอกสารหลักฐานเพื่อหารือในการประชุมประจำสัปดาห์ได้

คิดอย่างไรเกี่ยวกับ OKRs

 

Critical thinking framework: คุณต้องคิดไปไกลกว่าแค่เรื่องตัวเลขในแต่ละไตรมาส เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมธุรกิจของคุณ

Ongoing Discipline: อย่าตั้งเป้าหมายแล้ว ก็ลืมมันไป

ทำให้แน่ใจว่าบุคลากรทำงานร่วมกัน: OKRs ต้องดึงประโยชน์สูงสุดจาก cross-functional alignment และ collaboration

Focusing their efforts: OKRs ไม่ใช่แค่รายการภาระงานที่ต้องทำ OKRs ต้องแสดงถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด

แล้วทำไมต้องใช้ OKRs What’s the Big deal?

 

  • การรายงานและสรุปผล align มากกว่าสำหรับสภาพธุรกิจในปัจจุบัน
  • ไม่มีขอบเขต (แต่อยู่ในกลยุทธ์)
  • Focus Focus Focus (เลือกสิ่งที่สำคัญที่สุด It’s not what you say yes to, it’s what you say no to)
  • เข้าใจง่าย และใช้ง่าย

การเชื่อมโยง OKRs

 

เนื่องจากการตั้งเป้าหมายของแต่ละคนแต่ละหน่วยงานนั้น มีความหลากหลาย เราจึงต้องทำให้มั่นใจได้ว่า OKRs นั้นมีความยึดโยง (align) ทั้งในแนวราบและแนวดิ่ง เพราะองค์กรนั้นมีกลยุทธ์ซึ่งจำเป็นต้องนำไปสู่การปฏิบัติ

  • การเชื่อมโยง OKRs หมายถึงการตั้ง OKRs ตั้งแต่ระดับบนถึงระดับล่างขององค์กร
  • เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งสองทาง (2 way conversations)

Alignment ในแนวดิ่งและแนวราบ

 

1.Vertical (แนวดิ่ง)

  • หน่วย และบุคลากร ตั้ง OKRs ที่สามารถตอบสนองต่อ OKRs ของหน่วยงาน หรือผู้บังคับบัญชาของตนเอง
  • สามารถแสดงได้ว่ามีความยึดโยง align ไปกับเป้าหมายขององค์กร

2. Horizontal (แนวราบ)

  • การ alignment ในแนวราบช่วยสนับสนุนความเข้าใจการทำงานแบบ cross-functional และการทำงานร่วมกัน
  • เป็นการสร้างโอกาสให้เกิดการสนทนาระหว่างหน่วยงาน เพื่อค้นพบสิ่งที่ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน และจับสิ่งนั้นมาเป็น OKRs ของคุณ

จะทำอย่างไรให้แน่ใจว่าเกิด Alignment

 

  • การมี Alignment นั้นไม่ใช่จู่ๆ เกิดขึ้นเอง จำเป็นต้องใช้กระบวนการสร้างให้เกิดขึ้น
  • ตรวจสอบ Alignment ทั้งแนวดิ่ง และแนวราบ เมื่อตั้ง OKRs
  • ให้ OKRs Champion ทบทวน OKRs ทั้งหมดและมองหาโอกาสสำหรับการ Alignment (หรือใช้ซอฟท์แวร์เข้ามาช่วย)
  • ทำให้แน่ใจได้ว่ามีการประชุมเกี่ยวกับ Alignment

กระบวนการการสร้าง OKRs

 

  1. สร้างบริบทโดยการร่าง พันธกิจ (Mission Statement) ทำไมหน่วยงานหรือทีมของคุณถึงมีขึ้นมา หรือจุดประสงค์หลักๆ (core purpose)
  2. ตัดสินว่าสิ่งใดคือ “หมอก (fog)” อะไรจะเป็นปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุ OKRs ในไตรมาสนี้?
  3. สร้าง/ตั้ง วัตถุประสงค์ (Objectives) หนึ่งหรือสองสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่คุณจะต้องทำภายในไตรมาสนี้
  4. ร่างผลลัพธ์ที่สำคัญ (Key Results) : แต่ละวัตถุประสงค์ต้องมีอย่างน้อย 1 ผลลัพธ์ที่สำคัญ
  5. ทำเอกสาร/บันทึก ภาระงาน (Tasks) ที่จำเป็นเพื่อที่บรรลุผลลัพธ์ที่สำคัญต่างๆ
  6. ทำการตรวจสอบ Alignment
    1. แนวดิ่ง : OKRs นี้จะช่วยองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
    2. แนวราบ : คุณต้องการช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นหรือไม่ เพื่อที่จะบรรลุ OKRs? ถ้าหากต้องการให้บันทึกและจัดทำเอกสารเพื่อที่จะ Follow up กับ หน่วยงานนั้นๆได้ทันท่วงที
  7. ท้าทายและขัดเกลา : พัฒนา OKRs นั้นๆ ตามความจำเป็นตาม ‘คุณลักษณะของ OKRs ที่มีประสิทธิภาพ

Tips การสร้าง OKRs ( C R A F T ) 

 

​​​​​​​จากหนังสือ Objectives and Key Results Driving Focus, Alignment, and Engagement with OKRs ,Wiley Corporate F&A

วิธีเขียน วัตถุประสงค์และผลลัพธ์ที่สำคัญ (OKRs)

 

วัตถุประสงค์ (Objective)
กริยา + สิ่งที่คุณจะทำ + (เพื่อ business value อะไร)

เช่น สร้างให้เกิด + วัฒนธรรมการทำงานที่น่าดึงดูด + และสามารถรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพระดับเกรด A ไว้ได้

ผลลัพธ์ที่สำคัญ (Key Results)
กริยา + สิ่งที่คุณจะติดตาม/นับ + จาก x ไป y

เช่น มุ่งเน้นการว่าจ้าง + ผู้จัดการหรือผู้นำที่มีคุณภาพระดับ A + จาก 3 ตำแหน่งเป็น 10 ตำแหน่ง

*แค่ตัวอย่างเท่านั้นบริบทในแต่ละงาน หรือ วัตถุประสงค์แบบกว้าง อาจไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบตามนี้

ตัวอย่างการเขียน OKRs

การให้คะแนน OKRs (Scoring OKRs)

 

  • เมื่อคุณตั้งผลลัพธ์ที่สำคัญ (Key Results) คุณควรจะคาดหวังถึงความเป็นไปได้ที่จะบรรลุมันไว้ 50% (it’s okay to fail)
  • การให้คะแนนส่วนใหญ่จะ subjective ไม่ “mathematical”
  • ทำไมถึงกลับมาให้คะแนน? เพราะเราต้องเรียนรู้จากความล้มเหลว

Reporting Cadence

Weekly รายสัปดาห์

Logistics / Priorities / Status / Engagement

Weekly Reporting (การรายงานรายสัปดาห์)

 

Purpose

  • ประเมินความก้าวหน้า
  • ค้นหาปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
  • ทำให้ OKRs เข้าไปอยู่ในวัฒนธรรมการทำงาน

Topics

  • Logistics: ใครทำอะไรถึงตรงไหน? จะส่งผลอย่างไรต่อความก้าวหน้าของ OKRs?
  • Priorities: อะไรที่จะต้องทำให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้เพื่อเข้าใกล้การบรรลุ OKRs ? (เป็นโอกาสที่ดีที่จะมาทบทวนรายการภาระงาน)
  • Status: Confidence level ในการบรรลุ OKRs ว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลง? เพราะอะไร?
  • Engagement: หน่วยงานหรือทีมยังตื่นเต้นมีกำลังใจกับ OKRs อยู่หรือไม่?

Mid-Quarter กลางไตรมาส

Status - any adjustments?

Mid-Quarter Reporting (การรายงานกลางไตรมาส)

 

Purpose

  • ประเมินความก้าวหน้า
  • ค้นหาปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
  • ทำให้ OKRs เข้าไปอยู่ในวัฒนธรรมการทำงาน

Topics

  • Status
    – เราถึงตรงไหนแล้วในแต่ละ OKRs?
    – ความเป็นไปได้ที่จะบรรลุ OKRs?
    – ทรัพยากรใดอีกเราจำเป็นต้องใช้
    – มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้างที่กระทบกับเรา
  • Engagement: หน่วยงานหรือทีมยังตื่นเต้นมีกำลังใจกับ OKRs อยู่หรือไม่?
  • The Big Picture: เราถึงตรงไหนแล้วในเป้าหมายระยะยาว ตัวชี้วัดเชิงกลยุทธ์เป็นอย่างไรบ้าง

End of Quarter ปลายไตรมาส

Deeper dive / Grading / Review (what happended, why, what're we going to do about it?)

End of Quarter Reporting (การรายงานปลายไตรมาส)

 

Purpose

  • ให้คะแนน
  • วิเคราะห์ผลลัพธ์ (เพื่อการเรียนรู้)
  • Reset OKRs เพื่อรอบไตรมาสถัดไป

Topics

  • แต่ละหน่วยงานหรือทีม ให้คะแนน OKRs ของตนเอง
  • หารือถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
    – วิเคราะห์ถึงสาเหตุของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
    – ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากผลที่เกิดขึ้น

จะทำอย่างไรให้สำเร็จในการเริ่มใช้ OKRs

 

  • หลีกความผิดพลาดเหล่านี้
    – พยายามจะเปลี่ยนทุกอย่างในครั้งเดียว
    – สร้าง OKRs ขึ้นมาโดยไม่มีบริบทรองรับ (Mission, Vision, Strategy)
    – สร้าง OKRs ขึ้นมาแต่ ไม่มีรายการภาระงานที่ต้องทำ (Task list)
  • เริ่มเล็กๆ Start small
  • จัดประชุมอย่างเป็นประจำ
  • แต่งตั้ง Ambassadors / OKRs Champion
  • แจ้งจดหมายข่าว (newsletter) ให้บุคลากรในสังกัด
  • นำเสนอ OKRs ในการประชุม เพื่อ Alignment
  • ทำ OKRs ให้โปร่งใส เพื่อที่ทุกคนสามารถเข้าถึง OKRs ต่างๆ ของทุกคน เพื่อ cross-functioning/collaboration (google sheet/excel/ระบบ pms)
  • ติดโปสเตอร์ OKRs ของทีมหรือสังกัด ในบริเวณ หน่วยงาน
  • กระจายแหล่งเรียนรู้ให้บุคลากรทุกคนเข้าถึง ไม่ว่าจะเป็น การอบรม วีดีโอ และเอกสารประกอบการนำเสนอต่างๆ
แหล่งที่มา